หน้าเว็บ

หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2561

โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล

         

โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล (อังกฤษ: Chaiyabhumbhakdeechumphon School) เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดชัยภูมิ เปิดสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายแบบโรงเรียนสหศึกษา และเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ คำว่า ชัยภูมิภักดีชุมพล มาจากคำสองคำคือ ชัยภูมิ คือชื่อจังหวัดอันเป็นที่ตั้งของโรงเรียน และ ภักดีชุมพล มาจากบรรดาศักดิ์ของเจ้าเมืองคนแรกของจังหวัดชัยภูมิ หรือ พระยาภักดีชุมพล โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชการะแส "อนุโมทนา"[3] กับการก่อตั้งโรงเรียนซึ่งปัจจุบันในวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2445 [4]โรงเรียนจึงถือให้วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันคล้ายวันสถาปณาโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล ปัจจุบันพระราชกระแสต้นฉบับได้เก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑ์โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลและท้องถิ่น ศูนย์เรียนรู้ไทยภัณฑ์ พร้อมด้วยเอกสารการรับบริจาคเงินเรี่ยรายในปี พ.ศ. 2444

ยุคเริ่มแรกของโรงเรียน
          ปี พ.ศ. 2447 ได้สร้างอาคารเรียนขึ้น ณ วัดชัยประสิทธิ์เพื่อขยายการเรียนการสอนวัดชัยประสิทธิ์ หรือ วัดสะแก ซึ่งในปี พ.ศ. 2435 ยังเป็นวัดร้างอยู่ พระประสิทธิ์ได้มาบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ จึงขนานนามวัดใหม่ตามชื่อของท่านว่า "วัดประสิทธิ์" และในปี พ.ศ. 2439 ได้ทำการสอนปริญัติธรรมซึ่งมีกำหนดไม่แน่นอนและเป็นการสอนทางธรรมเสียมากกว่า ต่อมา ประมาณปี พ.ศ. 2442 พระยาหฤทัยราชเดช เจ้าเมืองชัยภูมิสมัยนั้นได้ตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นที่วัดชัยประสิทธิ์ โดยอาศัยศาลาการเปรียญเป็นห้องเรียน ได้แบ่งชั้นเรียนออกเป็นประโยค 1-2 ประโยค 1 มีชั้น ป.1 กับ ป.2 ประโยค 2 มี ป.3 กับ ป.4 เมื่อเรียนสำเร็จประโยค 2 (หากจะเทียบกับปัจจุบันก็คือ มัธยมศึกษาปีที่ 3) ปฐมอาจารย์แห่งโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลคือ อาจารย์เกิด มีตำแหน่งเป็นครูใหญ่ กับครูน้อยอีก 1 คนคือ อาจารย์คำ ต่อมาอาจารย์เกิดซึ่งเป็นครูใหญ่ได้ลาออกไปเป็นเสมียนมหาดไทยจังหวัดนครราชสีมา อาจารย์เปล่ง (ซึ่งเป็นพระภิกษุ) เป็นครูน้อยแทนอาจารย์คำ ขณะนั้นอาจารย์เปล่งครูใหญ่ได้เลื่อนตำแหน่งทางพระเป็นพระวินัยธรรม ประมาณปี พ.ศ. 2446 มีครูเพิ่มขึ้นอีก 3 คนคืออาจารย์หรั่ง อาจารย์จ้อย และนายดาบอิน เมือได้เป็นครู 1 ปีอาจารย์หรั่ง ขอลาออกไปเรียนต่อที่กรุงเทพมหานคร อาจารย์ทับเป็นครูน้อยแทนอาจารย์หรั่ง

ปฐมกาลแห่งการสถาปนา (พ.ศ. 2442 - พ.ศ. 2445)
          ภัยจากการคุมคามของประเทศมหาอำนาจในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 หรือปลายพุทธศตวรรษที่ 24 ลัทธิจักรวรรดินิยมกำลังแผ่ขยายมายังประเทศต่างๆ ในเอเชียซึ่งประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่าญวน เขมรและมลายูเป็นต้น ต่างตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศมหาอำนาจ ส่วนประเทศไทยมีจุดอ่อนทั้งในเรื่องความล้าหลัง ระบบการปกครองและการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจนพระองค์จึงทรงห่วงใยบ้านเมืองจึงดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบประนีประนอมและเร่งปรับปรุงประเทศ โดยเน้นการ ศึกษาของชาติ
          โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลก็เป็นส่วนหนึ่งของยุคปฏิรูปการศึกษาในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเช่นกัน โดยในยุคแรกได้ใช้ศาลาการเปรียญของวัดชัยประสิทธิ์ (วัดสะแก) ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านหนองบ่อ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองชัยภูมิ เมื่อปี พ.ศ. 2442 วัดสะแก หรือวัดชัยประสิทธิ์ ( วัดประสิทธิ์ ) เดิมเป็นวัดร้าง พระประสิทธิ์ได้มาซ่อมแซมบูรณะขึ้นใหม่ราวปี พ.ศ. 2432 และได้ขนานนามวัดใหม่ตามนามของท่านว่า วัดชัยประสิทธิ์ต่อมาพระประสิทธิ์ได้ทำการสอนพระปริยัติธรรมแก้บรรพชิตและคฤหัสถ์ที่สนใจในพระพุทธศาสนา ซึ่งนับเป็นการเรียนการสอนยุคแรกของโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล
          เมื่อปี พ.ศ. 2442 พระหฤทัย (บัว) ผู้รั้งผู้ว่าราชการจังหวัด (ดำรงตำแหน่งระหว่าง : พ.ศ. 2442 – 2444) เจ้าเมืองชัยภูมิได้ตั้งโรงเรียนหลวงแห่งแรกของจังหวัดชัยภูมิขึ้นที่วัดชัยประสิทธิ์ตามพระบรมราโชบายปฏิรูปการศึกษาหัวเมืองของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร และความต้องการจัดการศึกษาเพื่อความเป็นเอกภาพของชาติโดยได้ออก "ประกาศจัดการเล่าเรียนในหัวเมือง" เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2441 ความว่า 

ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดแต่ความประพฤติชอบ และการเลี้ยงชีวิตโดยชอบเป็นที่ตั้ง ครั้นทั้งหลายจะประพฤติชอบ แลจะหาเลี้ยงชีวิตโดยชอบนั้นเล่า ก็ย่อมอาศัยการได้ศึกษาวิชา ความรู้ ในทางที่จะให้บังเกิดประโยชน์ มาแต่ย่อมเยาว์ และฝึกซ้อมสันดานให้น้อยในทางสัมมาปฏิบัติและเจริญปัญญา สามารถในกิจการต่างๆ อันเป็นเครื่องประกอบการหาเลี้ยงชีพเมื่อเติบใหญ่ จึงเชื่อว่าได้เข้าสู่ทางความเจริญบัดนี้การฝึกสอนในกรุงเทพฯ เจริญแพร่หลายมากขึ้นแล้ว สมควรจะจัดการฝึกสอนให้หัวเมืองได้เจริญขึ้นตามกัน

          ในการจัดการศึกษาขั้นต้นตามนโยบายการปฏิรูปการศึกษาของรัฐบาลสยามในสมัยนั้น พระหฤทัย (บัว) ได้มีนโยบายในการจัดการศึกษาในจังหวัดเพื่อตอบสนองความต้องการของนโยบายรัฐบาลนั้นได้จัดการศึกษาขึ้นที่วัดชัยประสิทธิ์ โดยมอบหมายให้พระครูจรูญ นิโรธกิจ เป็นผู้จัดการเรียนการสอนขึ้น โดยมีนายพรหมมา และนายป้อมเป็นครูผู้สอน ในปี พ.ศ. 2442 ณ ศาลาการเปรียญวัดชัยประสิทธิ์เปิดสอนในประโยค 1 – 2 โดยประโยค 1 มีชั้น ป.1 และ ป.2 ประโยค 2 คือชั้น ป.3 และ ป.4 เมื่อสำเร็จชั้นประโยค 2 ถือว่าสำเร็จชั้นสูงสุดการศึกษาภายในจังหวัดชัยภูมิ ในต้นปี พ.ศ. 2445 ที่มีนักเรียนเป็นจำนวนมากซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุตร ธิดาของบรรดาข้าราชการ คหบดี พ่อค้า ประชาชนทั่วไป ในจังหวัดชัยภูมิ ต่อมาในปีกลาง พ.ศ. 2445 โรงเรียนวัดประสิทธิ์มีนักเรียนทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ศึกษาเล่าเรียนรวมทั้งสิ้น 100 คน มีครูเพียง 1 คน ซึ่งที่นั่งนักเรียนไม่เพียงพอที่จะจัดการเรียนการสอน ผู้รั้งผู้ว่าราชการจังหวัด หลวงพิทักษ์นรากร ได้เห็นถึงปัญหาการขาดแคลนสถานที่จัดการเรียนการสอนและจำนวนครูผู้สอนไม่เพียงพ่อต่อนักเรียนกอปรกับ ในปี พ.ศ. 2445 การปฏิรูปการศึกษาของประเทศนั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง ประกาศใช้ พระราชบัญญัติลักษณะปกครองคณะสงฆ์ซึ่งในแง่มุมของการศึกษา ถือเป็นการแบ่งงานระหว่างพระสงฆ์กับกรมศึกษาธิการ โดยพระสงฆ์จะจัดการศึกษาในระดับประถมศึกษา ส่วนในระดับสูงกว่าเป็นหน้าที่ของกรมศึกษาธิการ จึงมีการรวบรวมรายชื่อโรงเรียนเพื่อจัดทำทะเบียนโรงเรียนหลวงขึ้น หลวงพิทักษ์นรากร จึงรวบรวมเงินบริจาคจากข้าราชการในจังหวัดชัยภูมิเพื่อปรับปรุงโรงเรียนเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีผู้บริจาคทั้งสิ้น 166 บาท 8 อัฐ เงินจำนวนนี้นับเป็นเงินบำรุงสถานศึกษาชุดแรกที่ก่อให้เกิดการพัฒนาและส่งเสริมการศึกษาในจังหวัดชัยภูมิโดยเงินจำนวนดังกล่าวได้นำไปจ้างครูเพิ่มอีก 2 คน คนละ 5 บาทต่อเดือนคงเหลือเงิน 22 บาท 08 อัฐ ได้นำไปซื้อม้านั่งสำหรับเรียนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2442
          2 ธันวาคม ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2445) หลวงพิทักษ์นารากร ผู้รั้งผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิได้เสนอชื่อโรงเรียนวัดประสิทธิ์ไปยังกระทรวงมหาดไทยและได้เสนอก่อตั้งเป็นโรงเรียนหลวงขึ้นพร้อมรายนามข้าราชการที่บริจาคเงินบำรุงโรงเรียนวัดประสิทธิ์
          12 ธันวาคม ร.ศ. 121 (พ.ศ. 2445) พระยาศรีสหเทพ ราชปลัดทูลฉลอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้เสนอขอตั้งโรงเรียนไปยังพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์ ปลัดกระทรวงธรรมการ และได้เสนอต่อไปยังสำนักราชเลขานุการได้นำความกราบบังคมทูล พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสมมตอมรพันธ์ โดยมีเนื้อความว่า
ที่ ๒๑๙ / ๖๗๑๒
วันที่ ๒๕ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๑
ข้าพระพุทธเจ้า พระยาวุฒิการบดี ขอประทานกราบทูล พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนสมมตอมรพันธ์ ทราบฝ่าพระบาท ด้วยกระทรวงมหาดไทยมีหนังสือส่งบาญชีรายชื่อข้าราชการเมืองไชยภูมิ คือจัดหาจ้างครูขึ้นอีก ๒ คนและสร้างม้านั่ง สำหรับนั่งเพิ่มขึ้นอีกด้วย ได้คัดสำเนากระทรวงมหาดไทยและบาญชีรายชื่อส่งมาถวายในนี้แล้วด้วย ถ้ามีโอกาสอันควร ขอฝ่าพระบาทได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท แล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรดเกล้า
(ลงชื่อ) พระยาวุฒิการบดี

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
ในวันเดียวกันความถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์ทรงมีพระราชกระแสลายพระหัตถ์รับสั่ง อนุโมทนา
ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม ร.ศ. ๑๒๑ พระยาวุฒิการบดี ได้แจ้งเรื่องผ่านทางกรมราชเลขานุการด้วยหนังสือ ที่ 67 / 2029 ความว่า
กรมราชเลขานุการ
วันที่ ๒๗ ธันวาคม รัตนโกสินทรศก ๑๒๑
เรียน พระยาวุฒิการบดี ได้รับหนังสือที่ ๒๑๙/๖๗๑๒ ลงวันที่ ๒๕ เดือนนี้ เรื่องข้าราชการเมืองไชยภูมิได้ออกเงินเรี่ยไรบำรุงโรงเรียนวัดประสิทธิ์ เมืองไชยภูมิ ดังบาญชีรายชื่อที่ส่งมาแล้วนั้น ได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว โปรดเกล้าให้แจ้งความมาว่า ทรงอนุโมทนาในส่วนกุศลนี้ด้วยฯ
          ยุคแรกแห่งแสงอรุณทางการศึกษาของโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล และชาวชัยภูมิได้เริ่มต้นขึ้น และในยุคนี้ได้ถูกขนานนามว่า ยุคสถาปนา

ช่วงบุกเบิกการศึกษาโดยคณะภิกษุสงฆ์ (พ.ศ. 2445 - พ.ศ. 2452)
          หลังจากโรงเรียนก่อตั้งได้ไม่นาน พระอาจารย์จรูญ นิโรธกิจ (เจ้าคณะจังหวัดชัยภูมิ) ก็ต้องย้ายไปรับราชการในระดับเขตการศึกษา เพื่อควบคุมการศึกษาภาษาไทยในเมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นพัฒนาการทางการสอนที่เท่ากัน และเท่าเทียม สำหรับผู้ชายและผู้หญิงนั้นสามารถศึกษาได้อย่างเท่าเทียม ทางราชการได้แต่งตั้งพระอาจารย์เกิดมาเพื่อรับตำแหน่งแทนพระครูจรูญ นิโรธกิจซึ่งรับราชการในระดับที่สูงขึ้น การศึกษาในยุคนี้มิได้เน้นวิชาสมัยใหม่เหมือนในกรุงเทพมหานคร อต่เป็นการสอนการเขียน การอ่านภาษาไทย การเรียนวิชาในพุทธศาสนา และการสอนนั้นเน้นไปในทางปริญัติธรรมเสียส่วนใหญ่

ช่วงบุกเบิกการศึกษาโดยฆราวาส (พ.ศ. 2452 - พ.ศ. 2478)
          ในยุคนี้ผู้ที่ได้รับยกย่องให้เป็นครูใหญ่ผู้บุกเบิกคือ นายมนู นาคามดี ครูใหญ่ผู้บุกเบิกโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล ซึ่งตามประวัติที่มีการจดบันทึกไว้จากการบอกเล่าของ นงไฉน ปริญญาธวัช (ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณกรรมปี พ.ศ. 2555) บุตรสาวของนายหนู นาคามดี นายหนู ต้องเดินทางมายังโรงเรียนชัยภูมจากจังหวัดนครราชสีมาด้วยระยะทางเพียง 100 กิโลเมตรเศษโดยใช้เวลา 5 วัน 5 คืน ซึ่งในขณะนั้นจังหวัดชัยภูมินับว่าเป็นดินแดนที่ "กันดาร" ตามคำบอกเล่าของบุตรสาวและได้ขยายโรงเรียนแห่งใหม่โดยซื้อที่ดินคืนจากชาวบ้านที่มาทำนา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนมาจนถึงปัจจุบัน ในอดีตไม่มีใครอยากจะมาเป็นข้าราชการที่จังหวัดอันห่างไกลแห่งนี้ แต่นายหนู เดินทางมาด้วยความมานะอุตสาหะ ด้วยความไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก นายหนูได้รับยกย่องให้เป็นครูสอนวิชาภาษาอังกฤษคนแรกของจังหวัดชัยภูมิอีกด้วย ในวัยก่อนเกษียนท่านได้รับคำนำหน้าชื่อเป็น รองอำมาตย์ตรี มนู นาคามดี นับว่าเป็นสิ่งที่แสดงความตั้งใจในการทำงานและเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงมานะอุตสาหะของครูผู้บุกเบิกผู้นี้

ช่วงแห่งผู้บริหารจาก "ธรรมศาสตร์" (พ.ศ. 2476 - พ.ศ. 2494)
          ยุคแห่งผู้บริหารจาก "ธรรมศาสตร์" ในยุคนี้มีผู้อำนวยการถึง 3 คนที่จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คือ นายกุหลาบ ประภาสโนบล นายทอง พงศ์อนันต์ และนายชะลอ ปทุมานนท์ ซึ่งล้วนแล้วแต่นำสิ่งใหม่ๆมาสู่โรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นสีประจำโรงเรียน (เหลืองแดง) ต้นไม้ที่ปลูกรอบโรงเรียนล้วนได้รับอิทธิพลจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้กระทั่งตราโรงเรียนยุคแรกก็ยังได้รับอิธิพลจากตราธรรมจักรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการตีพิมพ์วารสารโรงเรียนขึ้นเป็นครั้งแรกโดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงและเป็นการกำหนดหลักสูตรให้กับโรงเรียนโดยรอบจังหวัดผ่านทางสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งถือว่าเป็นสื่อที่ทันสมัยในยุคนั้น
          สืบเนื่องจากนโยบายทางการศึกษาของรัฐบาลใหม่หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จึงแยกโรงเรียนออกเป็นชายล้วนและหญิงล้วนในระหว่างช่วงนี้โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลได้แยกนักเรียนหญิงในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นไปยัง โรงเรียนสตรีชัยภูมิ และได้ทำการสอนนักเรียนหญิงระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายตามปกติจนกระทั่งปี พ.ศ. 2483 โรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลจึงกลายโรงเรียนชายล้วนอย่างสมบูรณ์

ช่วงแห่งการพัฒนา (พ.ศ. 2495 - พ.ศ. 2500)
          การพัฒนาทั้งทางด้านการศึกษา พัฒนาด้านการเรียนการสอน อาคารเรียนและบุคลากรทางการศึกษา มีนักเรียนรุ่นที่จบไปแล้วเริ่มมารับราชการครูในโรงเรียนที่ตนเคยศึกษา การเรียนการสอนถูกปรับปรุงให้ทันสมัยเข้าสู่ยุคและสังคมที่ทันสมัยขึ้น บริเวณโรงเรียนและอาคารเรียนมีมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกระแสของการตื่นตัวทางการศึกษาของคนไทยในยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง นโยบายทางการศึกษาใหม่ๆ ทำให้มีการส่งเสริมการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รู้จักกันในนาม โรงเรียนชัยภูมิ โรงเรียนประจำจังหวัดชัยภูมิ และยุคนี้คือ "ยุคแห่งการพัฒนา" ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2497 โรงเรียนได้งบประมาณสร้างบ้านพักครูหนึ่งหลังเป็นเงิน 25,000 บาท ซึ่งได้สร้างทางทิศตะวันออกของสระพัง สร้างแล้วเสร็จให้นายวินิช เวชสัสถ์ ครูโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพลขึ้นอยู่อาศัย เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2497 ในปีนี้โรงเรียนได้ขยายโรงอาหารออกไปทางทิศใต้และทิศตะวันออก เพื่อใช้เป็นสถานที่ประชุม โดยเงินสะสมเพื่อสร้างโรงอาหารของโรงเรียนเป็นเงิน 8,225.05 บาท แต่นักเรียนมีมากถึง 500 คนทำให้ที่ประชุมคับแคบไป ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2498 โรงเรียนได้จัดหาวัสดุมาสร้างบ้านพักครูอีกหลังหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของสระพัง เป็นบ้านทรงปั้นหยา 2 ห้องมีระเบียงสองข้าง และมีนอกชาน ต่อจากนี้มีห้องครัว 2 ห้อง ห้องส้วมอยู่บนบ้านสร้างขึ้นไม่มีงบประมาณ แต่อาศัยเงินบำรุงจำนวน 4,271.71 บาท สร้างเสร็จให้นายบุญเรือน แช่มชื่น ครูสอนแตรขึ้นอยู่อาศัยแต่นายบุญเรือง แช่มชื่น ลาออกจากราชการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2489 จึงให้นายมงคล ประภาสโนบล อยู่แทน

ช่วงแห่งความมั่นคง (พ.ศ. 2500 - พ.ศ. 2532)
          ในยุคนี้โรงเรียนที่มีอายุมากถึง 50 ปีเป็นตัวชี้ศักยภาพทางการศึกษา มีเหตุการณ์ที่แสดงความสามารถการันตีความเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด ไม่ว่าจะมีระดับชั้นการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในจังหวัดที่เตรียมตัวเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา การจัดทำหนังสืออนุสรณ์ การสร้างถนนในโรงเรียน การเตรียมการสำหรับแนวการศึกษาใหม่ๆ การศึกษาวิชาพละศึกษาที่ไม่เคยมีการสอนมาก่อน เป็นต้น สร้างได้เพียงครึ่งเดียว ทางโรงเรียนจึงอนุมัติงบอีก 7,000 บาทเพื่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จตลอดสาย ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 นำโดยนายสมเกียรติ วิจิตรธนสาร ได้จัดหาเงินสร้างสนามบาสเก็ตบอลเป็นคอนกรีต โดยใช้เงินทั้งสิ้น 14,458.00 บาท และในปีเดียวกันนี้ทางโรงเรียนได้งบประมาณรื้อถอน และซ่อมแซมโรงอาหารหลังเก่า ขยายให้กว้าง ลาดพื้นซีเมนต์เพื่อใช้เป็นห้องฝึกหัดพละศึกษาและใช้เป็นห้องประชุม และเงินงบประมาณยอดเดียวกันนี้ ได้ทาสีโรงเรียนใหม่ และซ่อมแซมประตูหน้าต่างให้เสร็จหมดงบประมาณทั้งสิน 100,000 บาท และ ได้สร้างบ้านภารโรงขึ้น ๑ หลัง อยู่ทางทิศใต้ของหนองสระพัง ด้วยเงินบำรุงการศึกษา 3,000 บาท



ที่มา

ราชกิจจานุเบกษา, รายงานตรวจจัดการคณะการพระศาสนาและการศึกษา ในมณฑลนครราชสีมา ของ พระเทพมุนี ผู้อำนวยการ ร,, ๑๒๐, เล่ม ๑๘, ตอน ๐, ๐๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๔, หน้า ๖๔
ราชกิจจานุเบกษา, รายงานตรวจจัดการคณะการพระศาสนาและการศึกษา ในมณฑลนครราชสีมา ของ พระเทพมุนี ผู้อำนวยการ ร,, ๑๒๐, เล่ม ๑๘, ตอน ๐, ๐๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๔, หน้า ๖๕
เอกสารก่อตั้งสถานศึกษา หอจดหมายเหตุแห่งชาติ (ไมโครฟิมล์) (ศธ.3/ร.ศ.121),
รายงานการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขึ้นพื้นฐานโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล พ.ศ. 2547
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2441/033/333.PDF ราชกิจกานุเบกษา เล่ม 15 แผ่นที่ 33 วันที่ 13 พฤศจิกายน ร.ศ. 118
หนังสือที่ระรึกโรงเรียนชัยภูมิภักดีชุมพล พ.ศ. 2532 
รายชื่อข้าราชการกระทรวงธรรมการ ร.ศ.120 ศธ.3/ร.ศ.120.23 กระทรวงธรรมการ
รายชื่อข้าราชการกระทรวงธรรมการ ร.ศ.123 ศธ.3/ร.ศ.123.26/1 กระทรวงธรรมการ

1 ความคิดเห็น:

  1. คุณกำลังมองหา บริษัท เงินกู้ทางการเงินที่แท้จริงเพื่อจัดหาเงินกู้ 10,000 ยูโรถึง 10,000,000 ยูโร (สำหรับสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์หรือธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลสินเชื่อส่วนบุคคลสินเชื่อจำนองสินเชื่อรถยนต์สินเชื่อรวมหนี้เงินกู้ร่วมทุนสินเชื่อเพื่อสุขภาพเป็นต้น ))
    หรือเขาถูกปฏิเสธเงินกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินไม่ว่าด้วยเหตุผลใด?
    สมัครตอนนี้และรับเงินกู้ทางการเงินที่แท้จริง ดำเนินการและอนุมัติใน 3 วัน
    PACIFIC FINANCIAL LOAN FIRM เราเป็นผู้ให้กู้เงินกู้ระหว่างประเทศที่ให้บริการทางการเงินที่แท้จริงแก่บุคคลและ บริษัท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2% พร้อมบัตรประจำตัวที่ถูกต้องหรือหนังสือเดินทางระหว่างประเทศของประเทศของคุณเพื่อการตรวจสอบการชำระคืนเงินกู้เริ่มต้นที่ 1 (หนึ่ง) ปีหลังจากนั้น ได้รับเงินกู้และระยะเวลาชำระคืนคือ 3 ถึง 35 ปี

    สำหรับการตอบกลับในทันทีและดำเนินการกับใบสมัครของคุณสำหรับชายแดนภายใน 2 วันทำการ
    ติดต่อเราโดยตรงทางอีเมลนี้: pacificfinancialloanfirm@gmail.com

    ติดต่อเราด้วยข้อมูลต่อไปนี้:

    ชื่อเต็ม: ____________________________
    จำนวนเงินที่ต้องการเป็นเงินกู้: ________________
    ระยะเครดิต: _________________________
    วัตถุประสงค์ของการกู้ยืม: ______________________
    วันเกิด: ___________________________
    เพศ: _______________________________
    สถานะการสมรส: __________________________
    ที่อยู่ติดต่อ: _______________________
    เมือง / รหัสไปรษณีย์: __________________________
    ประเทศ: _______________________________
    อาชีพ: ____________________________
    โทรศัพท์มือถือ: __________________________

    ส่งคำขอของคุณสำหรับการตอบกลับทันทีไปที่: pacificfinancialloanfirm@gmail.com

    ขอบคุณ

    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนางวิกตอเรียจอห์นสัน

    ตอบลบ